Breaking
31 Jul 2025, Thu

กองบิน 21 พยัคฆ์ติดปีก เจาะลึก F-5TH Super Tigris เขี้ยวเล็บใหม่แห่งทัพฟ้าไทย

กองบิน 21

ณ ฐานบินอุบลราชธานี เสียงคำรามของเครื่องยนต์ J85 ได้เปลี่ยนไปพร้อมความหมายใหม่ เมื่อฝูงบินขับไล่ F-5TH “Super Tigris” ที่ผ่านการอัพเกรดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้เข้าประจำการเต็มรูปแบบ ณ กองบิน 21 แล้วอย่างเป็นทางการ นี่ไม่ใช่เป็นเพียงการยืดอายุ “พยัคฆ์เฒ่า” ในตำนาน แต่คือการปฏิวัติขีดความสามารถ พลิกโฉมเครื่องบินรบยุคสงครามเย็นให้มีเขี้ยวเล็บทัดเทียม เครื่องบินขับไล่ ยุค 4.5 การมาถึงของฝูงบินนี้มีความหมายอย่างไรต่อศักยภาพของ กองทัพอากาศ? และเหตุใด จึงกลายเป็นปราการทางอากาศด่านหน้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของไทยในปัจจุบัน บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกคำตอบ

อาจเป็นรูปภาพของ อากาศยาน

จาก F-5E/F สู่ F-5TH Super Tigris ปฏิบัติการชุบชีวิต “พยัคฆ์” ในตำนาน

เครื่องบินขับไล่แบบ F-5 Freedom Fighter/Tiger II คือหนึ่งในภาพจำของกองทัพอากาศไทยที่รับใช้ชาติมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ แต่เมื่อโลกหมุนเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ที่การรบทางอากาศถูกตัดสินด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้ F-5 ดั้งเดิมเริ่มล้าสมัยและมีขีดจำกัดในการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่

ด้วยวิสัยทัศน์และข้อจำกัดด้านงบประมาณ กองทัพอากาศ จึงตัดสินใจเลือกแนวทางที่ท้าทายแต่คุ้มค่าที่สุด นั่นคือ โครงการอัพเกรด F-5 ครั้งใหญ่ โดยร่วมมือกับบริษัท Elbit Systems จากประเทศอิสราเอล เพื่อพลิกโฉม F-5E/F ที่มีอยู่จำนวน 14 เครื่อง ให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในชื่อ “F-5TH Super Tigris” โดยมีเป้าหมายหลักคือ

  • ยืดอายุการใช้งาน ปรับปรุงโครงสร้างอากาศยานให้สามารถรับใช้ชาติไปได้อีกอย่างน้อย 15 ปี
  • เพิ่มขีดความสามารถ ติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์การบิน (Avionics) และระบบอาวุธใหม่ทั้งหมด
  • ความคุ้มค่า ใช้งบประมาณน้อยกว่าการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่หลายเท่าตัว แต่ได้สมรรถนะที่ใกล้เคียงกัน

วันนี้ โครงการดังกล่าวได้เสร็จสมบูรณ์ 100% และเครื่องบินทั้ง 14 ลำได้ถูกส่งมอบเข้าประจำการ ณ ฝูงบิน 211 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เจาะลึกเทคโนโลยี อะไรที่ทำให้ F-5TH เทียบชั้นเครื่องบินยุค 4.5

สมรรถนะที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของ F-5TH Super Tigris ไม่ได้มาจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่มาจากเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ถูกติดตั้งเข้าไปใหม่ทั้งหมด เปรียบเสมือนการนำสมองและระบบประสาทของนักสู้รุ่นใหม่มาใส่ในร่างกายของนักสู้ผู้เก๋าประสบการณ์

  • เรดาร์ควบคุมการยิง EL/M-2032 หัวใจสำคัญที่เปลี่ยน F-5 จากเครื่องบินรบระยะสายตา ให้กลายเป็นนักล่าระยะไกล สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ไกลขึ้นหลายเท่าตัว และติดตามเป้าหมายได้พร้อมกันหลายเป้า
  • Digital Glass Cockpit เปลี่ยนแผงหน้าปัดแบบเข็มอนาล็อกที่ซับซ้อนให้กลายเป็นจอแสดงผลสีขนาดใหญ่ (Multi-Function Displays) ทำให้นักบินเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ง่ายและรวดเร็ว ลดภาระงาน และเพิ่มความตระหนักรู้ในสถานการณ์ (Situational Awareness)
  • ระบบแสดงผลบนหมวกนักบิน (HMD) เทคโนโลยีระดับเดียวกับเครื่องบินขับไล่ชั้นนำอย่าง F-16 หรือ Gripen ที่แสดงข้อมูลการบินและการเล็งอาวุธบนกระจกหมวกของนักบินโดยตรง ทำให้นักบินสามารถ “มองที่ไหน เล็งที่นั่น” ได้ทันที
  • ระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Tactical Datalink) ทำให้ F-5TH สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลเป้าหมายกับเครื่องบินลำอื่น, เครื่องบินแจ้งเตือนล่วงหน้า (AEW&C), และสถานีควบคุมภาคพื้นดินได้แบบเรียลไทม์ สร้างเครือข่ายการรบที่มีประสิทธิภาพสูง
  • ความสามารถในการรบนอกระยะสายตา (BVR) จากการทำงานร่วมกันของเรดาร์และ Datalink ทำให้ F-5TH สามารถใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลางอย่าง I-Derby เพื่อทำลายเป้าหมายก่อนที่ข้าศึกจะมองเห็นเสียอีก

Northrop F-5TH Super Tigris - Royal Thai Air Force's Tiger Sharks Part: 2 - Suggestions - Devs - War Thunder — official forum

กองบิน 21 มากกว่าฐานทัพ แต่คือปราการยุทธศาสตร์ด่านหน้า

การตัดสินใจของ กองทัพอากาศ ในการนำฝูงบิน F-5TH Super Tigris ที่ทันสมัยที่สุดฝูงหนึ่งมาประจำการ ณ กองบิน 21 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ ด้วยที่ตั้งของ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบินฯ ถือเป็น “จุดยุทธศาสตร์” สำคัญอย่างยิ่ง

  • ความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นฐานบินขับไล่ที่อยู่ใกล้กับชายแดนประเทศลาวและกัมพูชามากที่สุด ทำให้สามารถส่งเครื่องบินขึ้นสกัดกั้นหรือปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ดังกล่าวได้ในเวลาอันรวดเร็ว (Quick Reaction Alert – QRA)
  • บทบาทในการป้องกันประเทศ ทำหน้าที่เป็นปราการด่านหน้าในการป้องกันน่านฟ้าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีความสำคัญต่อ ความมั่นคงชายแดน
  • การปฏิบัติการร่วม ยังเป็นฐานบินหลักในการฝึกซ้อมรบร่วมกับนานาชาติ เช่น การฝึกคอบร้าโกลด์ (Cobra Gold) และการฝึกผสมอื่นๆ ซึ่งการมีเครื่องบินสมรรถนะสูงอย่าง F-5TH จะช่วยยกระดับการฝึกให้สมจริงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เสียงจาก “นักบิน” และ “ผู้บังคับบัญชา” ความเชื่อมั่นหลังการอัพเกรด

ความสำเร็จของโครงการไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขบนกระดาษ แต่คือความเชื่อมั่นของผู้ที่ต้องใช้งานมันจริง นาวาอากาศเอก (สมมติ) ซึ่งเป็นหนึ่งในนักบิน F-5TH ของฝูงบิน 211 กล่าวว่า “การเปลี่ยนจาก F-5E มาขับ F-5TH เหมือนเปลี่ยนจากรถยนต์ธรรมดามาเป็นรถฟอร์มูลาวัน ระบบทุกอย่างช่วยให้นักบินทำงานได้ง่ายขึ้นมาก ความตระหนักรู้ในสถานการณ์สูงกว่าเดิมมหาศาล ทำให้เรามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในการปฏิบัติภารกิจพิทักษ์น่านฟ้าไทย”

ด้าน ผู้บังคับการกองบิน 21 ได้ให้ทัศนะถึงภาพรวมว่า “การมีฝูงบิน F-5TH ประจำการเต็มรูปแบบ ทำให้ มีศักยภาพในการป้องปรามและตอบโต้ภัยคุกคามทุกรูปแบบได้อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นการยกระดับขีดความสามารถของกองทัพอากาศและสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม”

กองบิน 21 กับชุมชน บทบาทที่มากกว่าการป้องกันประเทศ

นอกเหนือจากภารกิจด้านความมั่นคงแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน จังหวัดอุบลราชธานี โดยเฉพาะการใช้พื้นที่ร่วมกับ ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี หรือ สนามบินอุบล ซึ่งเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรของชาติร่วมกันระหว่างฝ่ายทหารและพลเรือนได้อย่างลงตัว

นอกจากนี้ ในทุกๆ ปีจะจัดกิจกรรม “เปิดบ้านวันเด็ก” ซึ่งเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาสัมผัสกับอากาศยานและเทคโนโลยีของกองทัพอย่างใกล้ชิด สร้างแรงบันดาลใจและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารกับประชาชน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญไม่แพ้การปกป้องอธิปไตย

Air Power on X: "A fantastic view of a RTAF F-5TH Super "Tigris". In February, #Thailand completed the final phase of modernization of its Northrop F-5 fleet (14 aircraft in total). I

บทสรุป อนาคตของพยัคฆ์ติดปีกแห่งทุ่งอีสาน

โครงการ F-5TH Super Tigris คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า การปรับปรุงยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นแนวทางที่ชาญฉลาดและตอบโจทย์ความท้าทายด้านความมั่นคงในยุคปัจจุบัน การประจำการครบฝูงบิน ณ กองบิน 21 ไม่เพียงแต่เป็นการเติมเต็มศักยภาพของ กองทัพอากาศ แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ

พยัคฆ์ติดปีกฝูงนี้จะยังคงทำหน้าที่เป็นเขี้ยวเล็บที่แหลมคม ปกป้องน่านฟ้าไทยไปอีกหลายปีข้างหน้า เป็นหลักประกันว่าทุกตารางนิ้วของแผ่นดินไทยจะยังคงอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกองทัพที่แข็งแกร่งและทันสมัย พร้อมรับมือกับทุกความท้าทายในอนาคต

แหล่งที่มาจาก : immersia