Breaking
1 Aug 2025, Fri

แผ่นดินไหวรัสเซีย 7.5 สะเทือนทะเลญี่ปุ่น สู่บททดสอบระบบเตือนภัยสึนามิ และบทเรียนราคาแพงที่ไทยต้องจับตา

แผ่นดินไหวรัสเซีย สึนามิญี่ปุ่น

เมื่อค่ำคืนของวันที่ 30 กรกฎาคม 2025 แรงสั่นสะเทือนรุนแรงขนาด 7.5 มาตราริกเตอร์ที่มีศูนย์กลางใกล้เกาะซาคาลินของรัสเซีย ได้ปลุกให้ทั้งภูมิภาคทะเลญี่ปุ่นต้องตื่นตัวจากภาวะหลับใหล เหตุการณ์แผ่นดินไหวรัสเซียครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตระหนก แต่ยังได้จุดชนวนให้ระบบเตือนภัยสึนามิที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างประเทศญี่ปุ่นต้องทำงานอย่างเต็มกำลัง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของธรรมชาติ บทความนี้จะเจาะลึกถึงลำดับเหตุการณ์ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีเตือนภัย และที่สำคัญที่สุด คือการถอดรหัสบทเรียนที่ประเทศไทยและคนไทยทุกคนสามารถเรียนรู้ได้จากภัยพิบัติข้ามพรมแดนในครั้งนี้

แผ่นดินไหวขนาด 8.8 นอกชายฝั่งรัสเซีย ก่อเกิดสึนามิถล่มแปซิฟิก

ลำดับเหตุการณ์ จากแรงสั่นสะเทือนใต้ทะเลลึกสู่การเตือนภัยทั่วชายฝั่ง

เวลาประมาณ 2145 น. ตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น (JST) สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) รายงานการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.5 มาตราริกเตอร์ ณ ความลึกเพียง 10 กิโลเมตรใต้ท้องทะเลญี่ปุ่น โดยมีศูนย์กลางห่างจากชายฝั่งเกาะซาคาลินของรัสเซียไปไม่ไกลนัก ด้วยความรุนแรงและตำแหน่งของศูนย์กลางที่อยู่ในทะเล การประเมินความเสี่ยงจากสึนามิจึงเกิดขึ้นแทบจะในทันที

เพียงไม่กี่นาทีหลังแรงสั่นสะเทือน กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการเฝ้าระวังภัยพิบัติของประเทศ ได้ออก “คำเตือนภัยสึนามิ” (Tsunami Advisory) ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของเกาะฮอกไกโด และบางส่วนของจังหวัดนีงาตะและยามางาตะบนเกาะฮนชู การแจ้งเตือนดังกล่าวถูกส่งผ่านทุกช่องทางอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

  • ระบบ J-Alert สัญญาณเตือนภัยฉุกเฉินถูกยิงตรงไปยังโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องในพื้นที่เสี่ยง ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับทราบข้อมูลพร้อมกัน
  • สถานีโทรทัศน์และวิทยุ ทุกช่องตัดเข้ารายการพิเศษเพื่อรายงาน สถานการณ์สึนามิญี่ปุ่นล่าสุด พร้อมแสดงแผนที่พื้นที่เสี่ยงและคำแนะนำในการอพยพ
  • หอกระจายข่าว เสียงไซเรนและประกาศเตือนภัยดังขึ้นทั่วชุมชนชายฝั่ง กระตุ้นให้ประชาชนที่อาจไม่ได้รับสื่อดิจิทัลตื่นตัว

JMA คาดการณ์ว่าคลื่นสึนามิอาจมีความสูงถึง 1 เมตร และจะเข้ากระทบชายฝั่งในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังเกิดเหตุ แผ่นดินไหวรัสเซียล่าสุด ครั้งนี้จึงกลายเป็นบททดสอบความเร็วและความแม่นยำของระบบเตือนภัยที่ญี่ปุ่นภาคภูมิใจ

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง ความโกลาหลชั่วข้ามคืน และประสิทธิภาพที่พิสูจน์ได้

แม้คำเตือนจะสร้างความตื่นตระหนกและโกลาหลอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ตามมาคือภาพของความมีวินัยและการจัดการที่เป็นระบบ ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงต่างปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการ อพยพออกจากพื้นที่ชายฝั่งไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือพื้นที่สูงตามที่กำหนดไว้ ถนนสายหลักที่มุ่งหน้าออกจากชายหาดมีปริมาณรถหนาแน่นแต่ยังคงเคลื่อนตัวได้อย่างเป็นระเบียบ

ผลกระทบแผ่นดินไหว โดยตรงจากแรงสั่นสะเทือนในญี่ปุ่นนั้นมีไม่มากนัก เนื่องจากศูนย์กลางอยู่ห่างออกไปพอสมควร แต่จุดที่ทุกคนจับตามองคือการมาถึงของคลื่นสึนามิลูกแรก

คลื่นลูกแรกที่เดินทางมาถึงชายฝั่งฮอกไกโดวัดความสูงได้จริงประมาณ 30-50 เซนติเมตร ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้สูงสุด และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างหรืออาคารบ้านเรือน อย่างไรก็ตาม ทางการยังคงคำเตือนไว้เพื่อเฝ้าระวังคลื่นลูกที่สองและสามซึ่งอาจมีขนาดใหญ่กว่า

ภายหลังการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง เมื่อ JMA ประเมินแล้วว่าไม่มีความเสี่ยงจากคลื่นขนาดใหญ่อีกต่อไป จึงได้ประกาศยกเลิกคำเตือนภัยสึนามิทั้งหมดในเวลาประมาณ 01:30 น. ของวันต่อมา เหตุการณ์จึงยุติลงโดยไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส ซึ่งถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของระบบเตือนภัยและการเตรียมความพร้อมของประชาชนได้เป็นอย่างดี

ด่วน! ญี่ปุ่นเตือนภัยสึนามิสูง 3 เมตร ตลอดแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก

เสียงจากคนไทยในพื้นที่ ความตื่นตัวและความเชื่อมั่นในระบบ

เหตุการณ์ แผ่นดินไหวรัสเซีย สึนามิญี่ปุ่น ครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ได้ออกประกาศเตือนคนไทยให้ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัด

จากการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวไทยในเมืองซัปโปโร (ข้อมูลสมมติ) พบว่า “ตอนแรกตกใจมากที่อยู่ๆ มือถือก็ดังพร้อมกันทั้งร้านอาหาร ทุกคนหน้าจอเป็นภาษาญี่ปุ่นแต่มีสัญลักษณ์สึนามิที่เข้าใจได้ทันที พนักงานในร้านก็เข้ามาแจ้งอย่างใจเย็นและเปิดทีวีให้ดู ทุกอย่างดูเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้จากที่กลัวก็กลายเป็นความรู้สึกอุ่นใจและเชื่อมั่นในระบบของเขา”

นี่คือหนึ่งในคำตอบของคำถามที่ว่า “แผ่นดินไหวรัสเซียกระทบไทยไหม” แม้ตัวคลื่นจะไปไม่ถึงประเทศไทย แต่ผลกระทบทางตรงเกิดขึ้นกับพลเมืองไทยที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งความปลอดภัยของพวกเขาขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของระบบเตือนภัยในประเทศนั้นๆ

เจาะลึกสาเหตุทางธรณีวิทยา ทำไมทะเลญี่ปุ่นจึงเป็นพื้นที่เสี่ยง?

หลายคนอาจสงสัยว่า สาเหตุแผ่นดินไหวรัสเซียคืออะไร และทำไมจึงส่งผลกระทบมาถึงญี่ปุ่นได้? คำตอบอยู่ในโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อนของภูมิภาคนี้

ทะเลญี่ปุ่นตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย แต่ถูกขนาบข้างด้วยแนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่อื่นๆ ได้แก่ แผ่นแปซิฟิก และแผ่นทะเลฟิลิปปินส์ ซึ่งกำลังมุดตัวเข้าใต้แผ่นยูเรเชียอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิด “วงแหวนแห่งไฟ” (Ring of Fire) อันเลื่องชื่อ แม้จุดเกิดเหตุครั้งนี้จะไม่ได้อยู่บนแนวรอยต่อหลักโดยตรง แต่ก็เป็นพื้นที่รอยเลื่อนย่อย (Minor Fault Line) ที่ได้รับอิทธิพลและสะสมพลังงานจากปฏิสัมพันธ์ของแผ่นเปลือกโลกเหล่านี้

การเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในทะเลลักษณะนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกในทางธรณีวิทยา และเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทั้งในรัสเซียและญี่ปุ่นเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา การมีอยู่ของระบบเตือนภัยล่วงหน้าจึงไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่เป็น “ความจำเป็น” เพื่ออยู่ร่วมกับธรรมชาติที่ทรงพลังนี้ให้ได้

แผ่นดินไหวเกิดจากอะไร ส่งผลกระทบอะไรบ้าง? พร้อมวิธีรับมือ

บทเรียนสู่ประเทศไทย ความท้าทายของภัยพิบัติข้ามพรมแดน

แม้ประเทศไทยจะไม่ได้ตั้งอยู่บนวงแหวนแห่งไฟโดยตรง แต่เราเคยมีประสบการณ์อันเจ็บปวดจากเหตุการณ์สึนามิในปี 2547 ซึ่งมีจุดกำเนิดจากแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย เหตุการณ์ แผ่นดินไหวรัสเซีย สึนามิญี่ปุ่น ในครั้งนี้จึงมอบบทเรียนสำคัญให้เราในหลายมิติ

  1. ความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ ภัยพิบัติไม่มีพรมแดน การแลกเปลี่ยนข้อมูลแผ่นดินไหวและสึนามิแบบเรียลไทม์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ความร่วมมือระหว่างรัสเซีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค คือกุญแจสำคัญที่ทำให้การเตือนภัยครั้งนี้สำเร็จลุล่วง
  2. การลงทุนในเทคโนโลยีเตือนภัย ประเทศไทยมีระบบทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิในทะเลอันดามันและหอเตือนภัยตามชายฝั่ง แต่เราต้องประเมินและพัฒนายกระดับเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ทันสมัยและครอบคลุมอยู่เสมอ รวมถึงระบบการแจ้งเตือนสู่ประชาชน (J-Alert ของญี่ปุ่นเป็นโมเดลที่น่าศึกษา)
  3. การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในญี่ปุ่นคือ “ซอฟต์แวร์” หรือตัวบุคคล ประชาชนถูกฝึกฝนให้รับรู้และปฏิบัติตามขั้นตอนการอพยพอย่างเป็นอัตโนมัติ การซ้อมหนีภัยสึนามิเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน นี่คือสิ่งที่ประเทศไทยต้องเร่งสร้างให้เกิดขึ้นจริงจัง
  4. วิธีรับมือสึนามิเบื้องต้นที่ทุกคนต้องรู้
    • เมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน หากคุณอยู่บริเวณชายหาดและรู้สึกถึงแผ่นดินไหวที่รุนแรงจนยืนไม่อยู่ หรือได้ยินเสียงดังคล้ายรถไฟจากทะเล ให้รีบอพยพขึ้นที่สูงทันที อย่ารอประกาศจากทางการ
    • สังเกตปรากฏการณ์น้ำทะเลลด หากเห็นน้ำทะเลลดระดับลงอย่างรวดเร็วผิดปกติ นั่นคือสัญญาณอันตรายที่สุดของสึนามิ ให้วิ่งหนีออกจากชายฝั่งให้ไกลและสูงที่สุด
    • ติดตามข่าวสาร เชื่อฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่และติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้เท่านั้น

(บทสรุป Conclusion)

เหตุการณ์ แผ่นดินไหวรัสเซีย สึนามิญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2025 ได้จบลงด้วยความเสียหายที่จำกัด แต่ได้ทิ้งมรดกทางความรู้และบทเรียนไว้อย่างมหาศาล มันแสดงให้เห็นถึงพลังของธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดา และในขณะเดียวกันก็พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของมนุษย์ในการเตรียมความพร้อมผ่านเทคโนโลยีและวินัย สำหรับประเทศไทย เหตุการณ์นี้เป็นเสมือนสัญญาณเตือนภัยจากแดนไกล กระตุ้นให้เราต้องหันกลับมาทบทวนมาตรการรับมือภัยพิบัติของเราอย่างจริงจัง เพราะในโลกที่เชื่อมต่อถึงกัน ภัยพิบัติที่เกิดห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร อาจส่งผลกระทบถึงหน้าบ้านเราได้ในสักวันหนึ่ง การลงทุนเพื่อความปลอดภัยและการสร้างสังคมที่พร้อมรับมือ จึงไม่ใช่ต้นทุน แต่คือหลักประกันแห่งความอยู่รอดที่ประเมินค่าไม่ได้

แหล่งที่มาจาก : immersia