Breaking
31 Jul 2025, Thu

เจาะลึก หน่วยรบพิเศษกัมพูชา เงาสะท้อนมังกรและนัยยะต่อชายแดนไทย

หน่วยรบพิเศษกัมพูชา

ฝุ่นควันและเสียงกระสุนจากการฝึกซ้อมรบ “มังกรทอง 2025” ที่เพิ่งปิดฉากลง ได้ฉายภาพความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ หน่วยรบพิเศษกัมพูชา ให้ปรากฏสู่สายตาชาวโลกอย่างที่ไม่เคยชัดเจนเท่านี้มาก่อน ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบจากมหาอำนาจอย่างจีน และวิสัยทัศน์ของผู้นำอย่าง ฮุน มาเนต บทความนี้ไม่ได้มองเพียงภาพการฝึกซ้อม แต่จะวิเคราะห์เจาะลึกถึงศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของหน่วยรบหัวกะทิแห่งนี้ บทบาทของผู้นำที่อยู่เบื้องหลังการปฏิรูป และที่สำคัญที่สุดคือ นัยยะต่อดุลยภาพความมั่นคงในภูมิภาคและ ความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เราไม่อาจละสายตาได้

Cambodia, China to hold 'Golden Dragon 2025' military exercises - Khmer Times

“Golden Dragon 2025” มากกว่าการฝึก คือการประกาศศักยภาพ

การ ฝึกรบร่วม ประจำปีภายใต้รหัส “มังกรทอง” (Golden Dragon) ระหว่าง กองทัพกัมพูชา และกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ได้ยกระดับความเข้มข้นขึ้นทุกปี สำหรับครั้งล่าสุดในปี 2025 นี้ มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการแสดงแสนยานุภาพเต็มรูปแบบครั้งแรกๆ หลังการถ่ายโอนอำนาจทางการเมืองสู่รัฐบาลชุดใหม่ของกัมพูชา

การฝึกมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติการร่วมสมัย เช่น

  • การต่อต้านการก่อการร้ายสากล จำลองสถานการณ์ช่วยเหลือตัวประกันในอาคารและยานพาหนะ
  • การรบในเมือง (Urban Warfare) ฝึกการเคลื่อนที่และการยิงในพื้นที่จำกัด
  • สงครามไซเบอร์และการป้องกันโดรน รับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่กลายเป็นส่วนสำคัญของสงครามสมัยใหม่

หัวใจของการฝึกในครั้งนี้คือ หน่วยรบพิเศษกัมพูชา หรือ Special Forces Command (SFC) ซึ่งปฏิบัติการเคียงบ่าเคียงไหล่กับหน่วยรบพิเศษของจีน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำงานร่วมกัน (Interoperability) ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง

ยุทโธปกรณ์ใหม่จากจีน เขี้ยวเล็บที่ถูกลับให้คมขึ้น

ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากการฝึก “มังกรทอง 2025” เผยให้เห็นถึง ยุทโธปกรณ์จีน รุ่นใหม่จำนวนมากที่ถูกนำเข้าประจำการใน หน่วยรบพิเศษกัมพูชา ซึ่งสะท้อนถึงการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยอย่างชัดเจน

  • ปืนเล็กยาว QBZ-191 ปืนไรเฟิลจู่โจมมาตรฐานรุ่นใหม่ล่าสุดของกองทัพจีน ที่มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือสูง ถูกนำมาใช้แทนที่ปืนรุ่นเก่า
  • โดรนลาดตระเวนและโดรนติดอาวุธ เพิ่มขีดความสามารถในการรวบรวมข่าวกรองและการโจมตีที่แม่นยำจากระยะไกล
  • รถหุ้มเกราะอเนกประสงค์ (Dongfeng Mengshi) เทียบเท่าได้กับรถฮัมวี่ของสหรัฐฯ เพิ่มความคล่องตัวและความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายกำลังพล
  • อุปกรณ์สื่อสารและเล็งเป้าแบบดิจิทัล ทำให้นักรบแต่ละนายเชื่อมต่อกับเครือข่ายบัญชาการและควบคุม (C2) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้ามาของอาวุธเหล่านี้ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนของเก่าเป็นของใหม่ แต่คือการเปลี่ยน “หลักนิยม” และ “ยุทธวิธี” ในการรบให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ จีน

ฮุน มาเนต ลูกชายผู้กุมบังเหียนกัมพูชา

“ฮุน มาเนต” ผู้อยู่เบื้องหลังการปั้นหน่วยรบหัวกะทิ

การจะเข้าใจการเติบโตของ หน่วยรบพิเศษกัมพูชา ได้นั้น จำเป็นต้องเข้าใจบทบาทของนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้นำประเทศ แต่ยังเป็นนายทหารที่จบการศึกษาจากเวสต์พอยต์ สหรัฐอเมริกา และเคยดำรงตำแหน่งสำคัญอย่างผู้บัญชาการ กองทัพบกกัมพูชา และเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเป็นรากฐานของ SFC ในปัจจุบัน

วิสัยทัศน์ของ ฮุน มาเนต คือการสร้างหน่วยรบขนาดเล็กแต่มีความคล่องตัวสูง เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีความจงรักภักดีอย่างยิ่งยวด เขาทุ่มเททรัพยากรและสร้างความสัมพันธ์กับ จีน เพื่อพัฒนาหน่วยนี้ให้เป็นหน่วยงานความมั่นคงที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดของประเทศ การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเขาจึงเป็นการรับประกันว่า นโยบายการพัฒนากองทัพ โดยเฉพาะหน่วยรบพิเศษ จะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อไป

อิทธิพลของจีน จาก “ผู้ขายอาวุธ” สู่ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์”

ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างจีนและกัมพูชาได้พัฒนาไปไกลกว่าการเป็นเพียงผู้ซื้อกับผู้ขายอาวุธ ปัจจุบัน จีนคือ “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ที่มีส่วนร่วมในทุกมิติของ กองทัพกัมพูชา ตั้งแต่

  • การให้การศึกษาทางทหาร นายทหารกัมพูชาจำนวนมากถูกส่งไปศึกษาต่อในสถาบันการทหารของจีน
  • การฝึกร่วม การฝึกมังกรทองเป็นเพียงตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุด แต่ยังมีการฝึกย่อยๆ อีกมากมายตลอดทั้งปี
  • การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การพัฒนาฐานทัพเรือเรียม ซึ่งถูกมองว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของจีนในภูมิภาค

การเลือกที่จะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับจีน ทำให้กัมพูชามีศักยภาพทางทหารที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างคำถามถึงดุลยภาพทางอำนาจในสมาคมอาเซียน

ชายแดนไทย-กัมพูชา หยุดยิง เหตุปะทะสงบลงแล้ว ตามข้อตกลงของการเจรจา

นัยยะต่อความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา มุมมองที่ต้องจับตา

สำหรับประเทศไทย การพัฒนาของ หน่วยรบพิเศษกัมพูชา และ กองทัพกัมพูชา โดยรวม ถือเป็นประเด็นด้านความมั่นคงที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด แต่มุมมองนี้ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่ใช่ความหวาดระแวง

  • การเปลี่ยนแปลงพลวัต การที่กองทัพเพื่อนบ้านมีความสามารถสูงขึ้น ย่อมหมายถึงพลวัตด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนที่เปลี่ยนแปลงไป กองทัพไทยจำเป็นต้องประเมินและปรับปรุงยุทธศาสตร์ของตนให้เท่าทันอยู่เสมอ
  • ความจำเป็นของการทูตทหาร สถานการณ์นี้ยิ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของช่องทางการสื่อสารระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และกลไกอื่นๆ จะต้องทำงานอย่างแข็งขันเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและป้องกันความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียด
  • ไม่ใช่ภัยคุกคามโดยตรง นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า การพัฒนากองทัพของกัมพูชามีเป้าหมายหลักเพื่อความมั่นคงภายในและเสถียรภาพของรัฐบาล มากกว่าที่จะเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อเพื่อนบ้าน แต่ศักยภาพที่สูงขึ้นก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้

บทสรุป การเติบโตของ หน่วยรบพิเศษกัมพูชา คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์ความมั่นคงของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งขับเคลื่อนโดยวิสัยทัศน์ของผู้นำและแรงสนับสนุนจากมหาอำนาจ สำหรับไทย การเฝ้าติดตามและทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างมีสติ ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายทางการทูตเชิงรุก คือแนวทางที่ดีที่สุดในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดนร่วมกันต่อไปในระยะยาว

แหล่งที่มาจาก : immersia