บนยอดเนินสูงชันกลางป่าลึกแห่ง “สามเหลี่ยมมรกต” รอยต่อสามแผ่นดินไทย-ลาว-กัมพูชา มีสถานที่แห่งหนึ่งที่ถูกจารึกไว้ด้วยเลือดเนื้อและหยาดน้ำตาของวีรบุรุษไทย นามของมันคือ “ภูมะเขือ” หรือ เนิน 408 สมรภูมิหัวใจของ “ยุทธการช่องบก” ในปี พ.ศ. 2530 หนึ่งในการรบที่ดุเดือดและนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์การทหารไทยยุคใหม่ นี่คือบทบันทึกแห่งความทรงจำ เพื่อย้อนรอยวีรกรรมอันหาญกล้าของเหล่าทหารไทย โดยเฉพาะ “ทหารพราน” วีรบุรุษผู้ถูกลืมเลือน เพื่อเชิดชูเกียรติและย้ำเตือนว่าสันติภาพในวันนี้ ต้องแลกมาด้วยความเสียสละอันยิ่งใหญ่
หลายสิบปีผ่านไป ชื่อของ ภูมะเขือ อาจเลือนลางไปจากความทรงจำของคนไทยส่วนใหญ่ แต่สำหรับทหารผ่านศึกและครอบครัวผู้สูญเสียทุกนาย ที่นี่คืออนุสรณ์สถานที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ การบอกเล่าเรื่องราวของสมรภูมินี้อีกครั้ง จึงไม่ใช่เพียงการรื้อฟื้นอดีต แต่คือการต่อลมหายใจให้กับตำนานแห่งความเสียสละ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และสำนึกในบุญคุณของพวกเขา
เปิดบันทึกเลือด ย้อนรอย “สมรภูมิช่องบก” พ.ศ. 2530
ในช่วงกลางทศวรรษ 2520 ถึง 2530 สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลพวงมาจากสงครามกัมพูชา-เวียดนามที่ยืดเยื้อ ประเทศไทยในฐานะ “รัฐแนวหน้า” ในยุค สงครามเย็น ต้องเผชิญกับการรุกล้ำอธิปไตยอยู่เสมอ
- ชนวนเหตุ ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2530 กองกำลังทหารเวียดนามได้รุกล้ำอธิปไตยของไทย และเข้ายึดครองที่หมายสำคัญทางยุทธศาสตร์บริเวณช่องบก ในเขต อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่สูงข่ม สามารถใช้เป็นฐานในการคุกคามความมั่นคงของไทยได้
- ยุทธการตอบโต้ กองทัพภาคที่ 2 ได้เปิด “ยุทธการช่องบก” เพื่อผลักดันกองกำลังต่างชาติและยึดคืนพื้นที่ดังกล่าวกลับคืนมา โดยมีเป้าหมายหลักคือเนินยุทธศาสตร์ 3 แห่ง ได้แก่ เนิน 500, เนิน 382 และที่สำคัญที่สุดคือ เนิน 408 หรือ “ภูมะเขือ”
- ความยากลำบาก การรบเป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างแสนสาหัส เนื่องจากภูมิประเทศเป็นป่าเขาสูงชัน, สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย, และเต็มไปด้วยกับระเบิดและทุ่นระเบิดที่ข้าศึกวางไว้อย่างหนาแน่น
“ภูมะเขือ” (เนิน 408) สมรภูมิหัวใจแห่งสามเหลี่ยมมรกต
ภูมะเขืออยู่ที่ไหน? เนิน 408 หรือภูมะเขือ คือเนินเขาลูกหนึ่งในสมรภูมิช่องบก ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 408 เมตร แม้จะไม่ใช่เนินที่สูงที่สุด แต่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่งยวด
- ชัยภูมิ “คอขวด” ภูมะเขือตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถควบคุมเส้นทางการส่งกำลังบำรุงและเส้นทางเข้าตีของฝ่ายไทยได้ การยึดเนินลูกนี้ให้ได้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะในยุทธการทั้งหมด
- สมรภูมิวัดใจ ด้วยความสำคัญดังกล่าว การสู้รบเพื่อชิงพื้นที่บนภูมะเขือจึงเป็นการรบที่ดุเดือดและยืดเยื้อที่สุด ทหารทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มเทสรรพกำลังเข้าห้ำหั่นกันอย่างถึงที่สุด และเป็นพื้นที่ที่ทหารไทยต้องสละเลือดเนื้อและชีวิตไปมากที่สุดแห่งหนึ่ง
วีรกรรม “ทหารพราน” เหล็กในคน…ผู้ถูกลืมเลือน
หากจะกล่าวถึงวีรบุรุษแห่งสมรภูมิช่องบก คงไม่อาจละเลยที่จะกล่าวถึง “ทหารพราน” (ทพ.) หรือ Rangers พวกเขาคือหน่วยกำลังกึ่งทหารที่ถูกส่งเข้าไปเป็นหน่วยแรกๆ เพื่อปะทะ, ตรึงกำลัง และพิสูจน์ทราบกำลังของข้าศึก
- นักรบชุดดำ ทหารพรานเป็นที่รู้จักในนาม “นักรบชุดดำ” หรือ “นักรบประชาชน” ส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครจากคนในพื้นที่ ทำให้มีความชำนาญในภูมิประเทศเป็นอย่างดี
- หัวใจที่ห้าวหาญ แม้จะมีข้อจำกัดด้านอาวุธยุทโธปกรณ์เมื่อเทียบกับทหารหลัก แต่ทหารพรานก็ได้รับการยอมรับในเรื่องความกล้าหาญ, ความทรหดอดทน และความเด็ดเดี่ยวในการรบ
- ผู้ปิดทองหลังพระ ในสมรภูมิภูมะเขือ วีรกรรมทหารพรานช่องบก คือการเข้าตีในระลอกแรกๆ เพื่อเปิดทางให้กำลังหลักเข้าโจมตี พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อต้านที่รุนแรงที่สุดและเป็นผู้ที่ล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เรื่องราวของพวกเขามักไม่ถูกกล่าวถึงมากนักเมื่อเทียบกับทหารหน่วยหลัก
เสียงจากแนวหน้า คำบอกเล่าจากทหารผ่านศึก
“เราต้องคลานขึ้นเขาทีละเมตร ฝนตกตลอดเวลาจนตัวเปียกแฉะไปหมด สัมภาระก็หนัก อาวุธก็หนัก แต่ที่หนักกว่าคือใจที่ต้องเห็นเพื่อนถูกยิงล้มไปข้างๆ” อดีตทหารพรานนายหนึ่งเล่าถึงความทรงจำที่ ภูมะเขือ
“เสียงปืนใหญ่ เสียงปืนกล ดังอยู่รอบตัวตลอดเวลาจนหูอื้อ เราไม่รู้เลยว่ากระสุนนัดต่อไปจะมาโดนเรารึเปล่า สิ่งเดียวที่คิดตอนนั้นคือต้องยึดเนินนี้คืนให้ได้เพื่อแผ่นดินไทย เพื่อคนที่อยู่ข้างหลัง”
คำบอกเล่าเหล่านี้คือเศษเสี้ยวของความโหดร้ายที่เหล่าทหารกล้าต้องเผชิญ และเป็นเครื่องยืนยันถึงจิตใจที่ทำด้วยเหล็กกล้าของพวกเขา
จากวันนั้นถึงวันนี้ “ภูมะเขือ” ในวันที่สันติภาพกลับคืน
หลังสิ้นสุดการสู้รบและสงครามในกัมพูชาได้ยุติลง พื้นที่ สมรภูมิช่องบก ที่เคยนองเลือดได้กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
- อนุสรณ์สถานวีรกรรม ได้มีการจัดสร้าง “อนุสรณ์สถานวีรกรรมช่องบก” ขึ้นในพื้นที่ อ.น้ำยืน เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจและรำลึกถึง วีรกรรม และความเสียสละของทหารหาญทุกนาย
- สู่สามเหลี่ยมมรกต ปัจจุบัน พื้นที่รอยต่อ 3 ประเทศแห่งนี้ ได้รับการพัฒนาภายใต้ชื่อ “สามเหลี่ยมมรกต” โดยเน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจ, การค้าชายแดน, และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและประวัติศาสตร์
- บทเรียนที่ยังคงอยู่ แม้ปืนใหญ่จะเงียบเสียงลงแล้ว แต่ภูมะเขือยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น เป็นเสมือนครูผู้เงียบงันที่คอยย้ำเตือนคนไทยทุกคนถึงราคาของอธิปไตย และความเจ็บปวดของสงคราม
บทสรุป แด่วีรบุรุษแห่งช่องบก ผู้พิทักษ์ภูมะเขือ
ประวัติสมรภูมิภูมะเขือ คือตำนานแห่งความกล้าหาญที่เขียนขึ้นด้วยเลือดและชีวิตของทหารไทย มันคือเรื่องราวของคนธรรมดาที่ลุกขึ้นมาทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่เพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน แม้หลายคนจะถูกหลงลืมไปตามกาลเวลา แต่คุณูปการของพวกเขายังคงอยู่กับผืนแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว
การรำลึกถึงวีรกรรมของพวกเขา ไม่ใช่การโหยหาสงคราม แต่คือการเรียนรู้จากอดีต เพื่อตระหนักถึงคุณค่าของสันติภาพ และเพื่อแสดงความกตัญญูอย่างสุดซึ้งต่อเหล่า วีรบุรุษ ผู้เสียสละ…วีรบุรุษแห่งช่องบกและภูมะเขือ
แหล่งที่มาจาก : immersia